เรียกได้ว่าอีกหนึ่งปัญหาของการตั้งครรภ์ ก็คืออาการและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่บางครั้งเมื่อได้ยิน อาจจะรู้สึกว่าน่ากลัว และเป็นอันตรายสำหรับแม่และลูก แต่สำหรับอาการ สายรกพันคอ ที่ถึงแม้จะดูน่ากลัว แต่แม่ท้องก็ควรเรียนรู้ถึงวิธีสังเกตค่ะ เพราะถ้าหากปล่อยเอาไว้ คิดว่าลูกเป็นปกติ อาจเกิดอันตรายจากการขาดออกซิเจน และจำเป็นต้องคลอดด่วนได้ค่ะ ถ้าหากพร้อมแล้ว ไปอ่านบทความดี ๆ ที่ Mamastory นำมาฝากกันในวันนี้เลยค่ะ เชื่อว่าต้องได้ข้อมูลดี ๆ กลับไปสังเกตการตั้งครรภ์อย่างแน่นอน !
สายสะดือ คืออะไร ?
ว่าต้องเรื่องของสายสะดือ หรือสายรก เป็นคำที่ผู้เชี่ยวชาญใช้เรียก เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจถึงการทำงาน โดยเป็นอวัยวะสำคัญที่ลำเลียงออกซิเจน และสารอาหารจากแม่ไปสู่ทารกในครรภ์ เรียกได้ว่าเป็นแหล่งพลังงานชีวิตก็ว่าได้ค่ะ ซึ่งปัญหาของสายรกที่มักเกิดขึ้นก็คือ สายรกพันคอ นั่นเองค่ะ แถมยังพบปัญหาข้อนี้ได้ 1 ใน 3 ของทารก แต่ก็ยังมีความโล่งอกตรงที่ว่า เมื่อทำการคลอดแล้ว ทารกที่เกิดปัญหาดังกล่าว มีร่างกายที่อุดมสมบูรณ์
สายรกพันคอ เกิดจากอะไร ?
โดยส่วนใหญ่แล้ว เกิดจากการดิ้น หรือการเคลื่อนไหวภายในท้อง ที่มีมากกว่าปกติ จนทำให้อวัยวะบางส่วน ไปเกี่ยวหรือคล้องกับสายรกโดยไม่ได้ตั้งใจ อาจจะเกิดจากการพันคอหลวม แล้วหลุดออกในภายหลังได้เช่นกัน หรือทารกบางราย อาจจะดิ้นมากเกินไป จนเข้าไปพันกับสายรกแน่น จนไม่สามารถคลายตัวออกได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกดิ้นน้อยลง ลูกขาดออกซิเจน และต้องรีบไปโรงพยาบาล เพื่อทำการคลอดโดยด่วน
บทความที่เกี่ยวข้อง : รู้ทัน อาการครรภ์เป็นพิษ อันตรายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์
ปัจจัยที่สายรกพันคอทารก
- ทารกเคลื่อนไหวภายในครรภ์มากเกินไป
- สายสะดือของแม่ท้อง ยาวเกินไป
- สายสะดือตีบ และผิดปกติ
- สายสะดือของแม่สู่ลูก ไม่สมบูรณ์พอ
- แม่ท้องตั้งครรภ์แฝด
- น้ำคร่ำเยอะเกินไป (polyhydramnios)
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ภาวะที่สายรกพันคอนั้น เป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดได้ในครรภ์ โดยสามารถพบได้มาถึง 15-35% ของการตั้งครรภ์ในประเทศไทย อาจเกิดได้หลายสาเหตุ ทั้งการเคลื่อนไหวของทารก หรือปัจจัยอื่นข้างต้นร่วมด้วย
วิธีสังเกตเมื่อสายรกพันคอลูก
ในข้อนี้คุณแม่ท้อง สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง โดยดูที่การดิ้นเป็นหลัก เพียงแต่ข้อนี้อาจจะไม่ใช้วิธีที่แม่นยำ 100% แต่ใช้ในการประเมินคร่าว ๆ ได้ โดยสามารถเช็กได้ด้วยตนเอง เมื่ออายุครรภ์ครบ 28 สัปดาห์ขึ้นไป โดยใช้วิธีนับลูกดิ้นแบบ “Count to Ten” ตั้งแต่เช้า-เย็น หรือประมาณ 10-12 ชั่วโมง
- หากลูกดิ้นมากกว่า 10 ครั้ง ถือว่าปกติ เพราะใน 1 วัน การที่ลูกดิ้นมากกว่า 10 ครั้ง เป็นเรื่องปกติ
- หากลูกดิ้นมากกว่า 40 ครั้ง ต่อชั่วโมง และหยุดไปนาน นั่นคือสัญญาณอันตราย ต้องรีบไปพบแพทย์
อาการทารกหลังคลอด ที่สายรกพันคอ
เพราะนอกจากอันตรายที่เกิดจาก การขาดออกซิเจน เนื่องจากสายรกพันคอแล้ว ทารกยังสามารถรับอาการบาดเจ็บอื่น ที่อาจเกิดขึ้นหลังการคลอดได้ โดยแบ่งได้ดังนี้
- ภาวะสมองทำงานผิดปกติ : เป็นภาวะการทำงานของสมองที่ผิดปกติ ที่เกิดขึ้นจากการขาดออกซิเจนหรือขาดเลือด โดยเป็นการอาการที่อาจส่งผลให้ทารก เกิดความผิดปกติทางสมอง อาทิ สมองพิการ โรคลมบ้าหมู และความพิการทางสติปัญญาและพัฒนาการ
- ทารกเสียชีวิตในครรภ์ โดยที่ไม่ได้ทำการคลอด
- ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ : โดยที่จะมีขนาดร่างกายเล็กกว่าปกติ มีโอกาสที่สมองจะได้รับความเสียหายสูงระหว่างคลอด
- มีขี้เทาในน้ำคร่ำ : หากทารกในครรภ์มีการอุจจาระครั้งแรกในช่วงของการตั้งครรภ์ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยอาจมีการกลืนน้ำคร่ำ หรือของเหลวเข้าไปจนกลายเป็น ภาวะสูดสำลักขี้เทา
- อัตราหัวใจผิดปกติ อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อเครื่องมือ ระหว่างที่ผ่าคลอด เช่น คีม เครื่องดูดสุญญากาศ
- ภาวะเลือดเป็นกรดจากสายสะดือ และความผิดปกติของระบบประสาท
วิธีแก้เมื่อสายรกพันคอทารก
เมื่อเกิดเหตุการณ์สายรกพันคอ ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกัน หรือวิธีทำการรักษา แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วอาจจะเป็นอันตรายต่อเด็ก แพทย์จะแนะนำให้แม่ตัดสินใจผ่าคลอด แทนการคลอดธรรมชาติ เพื่อที่จะลดความเสี่ยงอื่น ที่อาจเกิดขึ้นกับแม่และเด็ก
สายสะดือพันคอทารก ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติที่คุณแม่ มักจะประสบปัญหาดังกล่าว แต่ก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เพราะว่าอาจส่งผลที่ร้ายแรงต่อทารก ดังนั้นการไปพบแพทย์ตามกำหนด เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะว่าแพทย์จะได้ตรวจสอบสุขภาพ เพื่อให้แน่ใจว่าทารกจะสามารถเจริญเติบโต และไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ จนกว่าจะถึงกำหนดคลอดนั่นเอง
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
5 สัญญาณคลอดก่อนกำหนด แม่ท้องรู้ไว้ จะได้รับมือทัน!
ภาวะแท้งคุกคาม ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ อันตรายที่เกิดได้ในไตรมาสแรก
ลูกหายใจครืดคราด อันตรายไหม เสี่ยงเป็นโรคอะไรหรือเปล่า ต้องทำอย่างไร ?
ที่มา : 1